Long Hair Transplant

เทคนิคการปลูกผม Long Hair แบบใหม่ล่าสุด ที่พัฒนาเพิ่มเติมจากวิธี FUE (Follicular Unit Extraction) จุดเด่นของเทคนิคนี้คือสามารถย้ายกราฟท์ผมจากบริเวณ Donor Area ได้โดยไม่ต้องโกนหรือตัดผมด้านหลังศีรษะ ทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถเห็นแนวไรผมใหม่ที่ปลูกได้ทันที ความพิเศษของเทคนิค Long Hair Transplant อยู่ที่การย้ายรากผมในลักษณะ "ผมยาว" และนำไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ เส้นผมที่ปลูกจึงมีความยาวตั้งแต่แรกเริ่ม ช่วยให้เห็นแนวผมด้านหน้าได้ชัดเจนตั้งแต่วันแรก ไม่ต้องรอให้ผมงอกใหม่เหมือนเทคนิคทั่วไป ด้วยเทคนิคนี้ แนวไรผมที่ปลูกจะดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนกับเส้นผมเดิมได้อย่างแนบเนียน

การปลูกผมเทคนิค Long Hair เป็นการปลูกผมยาว เทคนิคนี้ไม่ต้องตัดผมสั้นเหมือนวิธีปกติ แพทย์จะเลือกเจาะกราฟท์เส้นผมยาวปกติ แบบกระจายเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างชัดเจน หลังทำเสร็จจะมีรอยแดงเล็กๆ จุดเล็กๆ กระจายอยู่บริเวณที่เจาะ ซึ่งสามารถถูกปกปิดได้ด้วยผมยาวรอบข้าง โดยทั่วไปอาการแดงหรือสะเก็ดเล็ก ๆ จะค่อย ๆ หายไปภายใน 7 วัน ทั้งนี้คนไข้ปลูกผมต้องดูแลบริเวณดังกล่าวอย่างอ่อนโยน

Shock loss หรือชื่อเต็มว่า “Post-operative Telogen Effluvium” คือภาวะที่เส้นผมบริเวณที่ปลูก หรือบริเวณใกล้เคียงเกิดการร่วงชั่วคราวหลังการปลูก โดยเกิดขึ้นภายใน 1-2 เดือนหลังทำ ทั้งนี้การผลัดร่วงมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน ในบางเคสอาจไม่ผลัดร่วงก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งอาการที่พบเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่สัญญาณว่าการปลูกล้มเหลวแต่อย่างใด

สาเหตุของ shock loss เกิดจากการเจาะรากผม การดึงรากเดิม หรือแม้แต่การอักเสบเล็กน้อยที่เกิดตามธรรมชาติในกระบวนการสมานแผล รากผมที่อยู่ในบริเวณนั้น จึงอาจเข้าสู่ “ระยะพักตัว” (telogen phase) ส่งผลให้ผมที่กำลังงอกอยู่ผลัดร่วงได้ เส้นผมที่ร่วงจาก shock loss มักจะงอกกลับคืนมาใหม่ภายใน 3–6 เดือน เนื่องจากรากผมยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่หยุดพักชั่วคราว

ผู้ที่พบภาวะนี้ไม่ควรตื่นตระหนก เพราะถือเป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการฟื้นฟูผมตามธรรมชาติ ทั้งนี้ การดูแลตัวเองอย่างดี พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานยาหรืออาหารเสริม ตามคำแนะนำของแพทย์ จะช่วยลดโอกาสการเกิด shock loss หรือช่วยให้ผมฟื้นกลับได้เร็วขึ้น

การปลูกผมด้วยเทคนิค Long Hair เป็นการปลูกผมที่ใช้เซลล์รากผมของตนเอง  ซึ่งเส้นผมถูกย้ายมาจากบริเวณโซนผมถาวรด้านหลังศีรษะ จะไม่ไวต่อฮอร์โมน DHT 

ดังนั้นผมสามารถร่วงและงอกขึ้นมาใหม่ได้ตามวงจรเส้นผม โดยที่เซลล์รากผมไม่ได้หลุดออกมาด้วย ทำให้เส้นผมบริเวณที่ทำการปลูกใหม่ สามารถอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต

ในส่วนของยาแบ่งเป็น 2 กลุ่มที่ต้องทานหลังทำการปลูกผม 

1 ยาปฏิชีวนะ ทานเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดอาการบวมอักเสบ แต่ถ้าหากมีอาการผิดปกติ อย่างเช่น มีไข้สูง มีอาการปวดบวมแดงผิดปกติ มีเลือดออกมาก มีน้ำเหลือง หรือมีอาการชา ให้รีบพบแพทย์โดยทันที  

2 ยาบำรุงผมหลังปลูก  โดยยาหลักที่ใช้มีอยู่ 2 กลุ่ม

กลุ่มแรกคือ ยาป้องกันฮอร์โมน DHT (ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผมบางจากพันธุกรรม) เป็นตัวยาที่ใช้ในเพศชาย ยาชนิดนี้จะช่วยชะลอหรือหยุดกระบวนการผมบาง ทำให้เส้นผมที่ยังอยู่ไม่หลุดร่วงเพิ่ม ซึ่งแพทย์จะเลือกให้ในขนาดที่เหมาะสมและปลอดภัย โดยมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด

อีกกลุ่มคือ ยาบำรุงการงอกของเส้นผม ซึ่งมักมาในรูปแบบวิตามินหรือสารอาหารที่จำเป็นต่อรากผม เช่น ไบโอติน สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินบี รวมถึงอาจมีผลิตภัณฑ์เฉพาะทางที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะ เพื่อส่งเสริมให้เส้นผมใหม่งอกได้ดีขึ้น

ยาทั้งสองกลุ่มนี้ไม่ใช่ยารักษาโรครุนแรง แต่เป็นการดูแลต่อเนื่องในเชิงป้องกันและบำรุง ซึ่งปลอดภัยหากใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ และสามารถปรับลดหรือหยุดได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โดยแพทย์จะคอยประเมินผลเป็นระยะเพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมั่นใจและปลอดภัยในระยะยาว